Home ข่าวการเมือง แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้า “คนละครึ่ง พลัส” ไม่เข้าเป้า “มท.” สั่งระดมสรรพกำลังทั่วปท. เน้น “ตําบล/ชุมชน” กว้าน!...

แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้า “คนละครึ่ง พลัส” ไม่เข้าเป้า “มท.” สั่งระดมสรรพกำลังทั่วปท. เน้น “ตําบล/ชุมชน” กว้าน! ธุรกิจฯ ก่อนคิ๊กออฟพรุ่งนี้

122
0
ภาพประกอบข่าว: แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้า
เครดิตภาพ: MGROnline

แค่ 4.8 แสน! คือตัวเลขยอดร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งยังคงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้สั่งการระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ประกอบด้วย นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนอาสาสมัครในท้องถิ่น ให้เร่งออกสำรวจและประชาสัมพันธ์ เชิญชวนผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าในระดับตำบลและชุมชน ให้เข้าร่วมโครงการอย่างเร่งด่วน ก่อนที่โครงการจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการขยายฐานร้านค้าผู้รับสิทธิให้ครอบคลุม และกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นให้มากที่สุดตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการ ที่ต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายและช่วยเหลือประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ประเด็นสำคัญจาก: แค่ 4.8 แสน! ยอดร้านค้า “คนละครึ่ง พลัส” ไม่เข้าเป้า “มท.” สั่งระดมสรรพกำลังทั่วปท. เน้น “ตําบล/ชุมชน” กว้าน! ธุรกิจฯ ก่อนคิ๊กออฟพรุ่งนี้

ประเด็นสำคัญจากข่าวนี้อยู่ที่ยอดร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพียง 480,000 ร้านค้า นับเป็นตัวเลขที่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ส่งผลให้กระทรวงมหาดไทยต้องออกมาตรการเร่งรัด โดยการสั่งระดมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปจนถึงสมาชิก อส. และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ให้เร่งออกประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนและตำบล ให้สมัครเข้าร่วมโครงการ ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นใช้งานในวันพรุ่งนี้ การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนและความสำคัญที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการขยายฐานร้านค้าเพื่อรองรับการใช้จ่ายของประชาชนภายใต้โครงการนี้

สาเหตุหลักที่ยอดร้านค้าไม่เป็นไปตามเป้าอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น การเข้าถึงข้อมูลของกลุ่มร้านค้ารายย่อยบางส่วนที่อาจยังไม่ทราบถึงรายละเอียดและขั้นตอนการสมัครอย่างทั่วถึง รวมถึงข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีหรือความเข้าใจในการใช้งานแอปพลิเคชันสำหรับร้านค้าของผู้ประกอบการบางราย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือกลุ่มผู้ประกอบการที่มีอายุ อย่างไรก็ตาม การที่กระทรวงมหาดไทยเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันในระดับพื้นที่ จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกับประชาชนและผู้ประกอบการ สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการสมัครได้โดยตรง ทำให้การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหวังว่าจะส่งผลให้ยอดร้านค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้เม็ดเงินจากโครงการสามารถกระจายไปสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างทั่วถึง

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

เพื่อตอบสนองต่อคำสั่งเร่งรัดจากกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานในท้องถิ่นได้เริ่มปฏิบัติการทันที โดยมีการจัดชุดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจร้านค้า ร้านอาหาร และแผงลอยในทุกอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ทั้งนี้เพื่ออธิบายถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เช่น การเพิ่มยอดขาย การเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การรับสมัครร้านค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้งานระบบและการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ร้านค้าสามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างราบรื่นและเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

การระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการทำงานแบบบูรณาการของภาครัฐ โดยหน่วยงานต่างๆ ทั้งกรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้ผนึกกำลังกันเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล การเน้นย้ำถึงร้านค้าในระดับตำบลและชุมชนเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากเป็นกลไกที่ช่วยกระจายรายได้และสร้างงานในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาวอีกด้วย การปฏิบัติการเชิงรุกนี้จึงไม่เป็นเพียงแค่การเพิ่มจำนวนร้านค้า แต่เป็นการลงทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน และเป็นบทบาทสำคัญของมหาดไทยในการเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างแท้จริง

สรุปข่าวทั้งหมด

สรุปคือ ยอดร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งมีจำนวนเพียง 480,000 ร้านค้า ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ทำให้กระทรวงมหาดไทยต้องออกคำสั่งเร่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ตั้งแต่นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปจนถึงอาสาสมัครในพื้นที่ทั่วประเทศ ระดมสรรพกำลังออกประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าในระดับตำบลและชุมชน ให้เข้าร่วมโครงการอย่างเร่งด่วนที่สุด ก่อนที่จะถึงกำหนดการเริ่มต้นโครงการในวันพรุ่งนี้ การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายฐานร้านค้าให้กว้างขวางครอบคลุม เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิสามารถใช้จ่ายได้อย่างทั่วถึง และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากตามเจตนารมณ์ของโครงการ การติดตามผลการระดมกำลังในครั้งนี้ รวมถึงจำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นภายหลังจากมาตรการเร่งรัด จะเป็นดัชนีสำคัญที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จของการดำเนินงานในระยะต่อไป.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here