Home ข่าวการเมือง พท.จี้ สส.รบ.ร่วมองค์ประชุมไม่พร้อมก็ยุบสภา แซะฝ่ายค้ำกล้าซักฟอกไหม กม.อสม.อดไปต่อตกลงกันไม่ได้

พท.จี้ สส.รบ.ร่วมองค์ประชุมไม่พร้อมก็ยุบสภา แซะฝ่ายค้ำกล้าซักฟอกไหม กม.อสม.อดไปต่อตกลงกันไม่ได้

117
0
ภาพประกอบข่าว: พท.จี้ สส.รบ.ร่วมองค์ประชุมไม่พร้อมก็ยุบสภา แซะฝ่ายค้ำกล้าซักฟอกไหม กม.อสม.อดไปต่อตกลงกันไม่ได้
เครดิตภาพ: MGROnline

พท.จี้ สส.รัฐบาลร่วมองค์ประชุม หากไม่พร้อมก็ยุบสภา โดยพรรคเพื่อไทยได้ตั้งข้อสังเกตและเรียกร้องให้ สส.ฝั่งรัฐบาลตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่การประชุมหลายครั้งประสบปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ ทำให้การพิจารณากฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต้องหยุดชะงักลง ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงสถานะความมั่นคงของรัฐบาลและการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมทั้งมีการตั้งคำถามเชิงเสียดสีว่าฝ่ายรัฐบาลจะกล้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หากไม่สามารถรักษาองค์ประชุมได้เช่นนี้ สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการบริหารจัดการเสียงในสภาฯ และอิทธิพลของการเมืองในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการออกกฎหมายที่สำคัญต่อประชาชน

ประเด็นสำคัญจาก: พท.จี้ สส.รบ.ร่วมองค์ประชุมไม่พร้อมก็ยุบสภา แซะฝ่ายค้ำกล้าซักฟอกไหม กม.อสม.อดไปต่อตกลงกันไม่ได้

ประเด็นหลักที่พรรคเพื่อไทยหยิบยกขึ้นมาคือปัญหาการขาดองค์ประชุมในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำคัญ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจาก สส.ฝ่ายรัฐบาลจำนวนมากไม่เข้าร่วมประชุม ทำให้ไม่สามารถเดินหน้ากระบวนการทางนิติบัญญัติได้อย่างราบรื่น การขาดองค์ประชุมครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เป็นปัญหาที่ปรากฏมาแล้วหลายวาระ ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพและความจริงจังของรัฐบาลในการผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การที่กฎหมายเกี่ยวกับ อสม. ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชนถูกชะลอออกไป ยิ่งสร้างความไม่พอใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการทำงานของรัฐสภา

การแสดงท่าทีของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้เป็นการสะท้อนความหงุดหงิดต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นภายในสภาฯ รวมถึงเป็นการกดดันรัฐบาลให้แสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการรักษาองค์ประชุมและผลักดันกฎหมาย พรรคเพื่อไทยมองว่าหากรัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการ สส. ในพรรคให้เข้าร่วมประชุมและดำเนินการตามวาระได้ ก็เท่ากับว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพมากพอ และอาจควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การยุบสภาฯ เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ สถานการณ์นี้ยังเปิดเผยให้เห็นถึงความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการขาดองค์ประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ต้องมีการลงมติหรือต้องใช้เสียงสนับสนุนจำนวนมาก

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

รายละเอียดที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการตั้งคำถามเชิงเสียดสีจากพรรคเพื่อไทยที่ว่า “ฝ่ายรัฐบาลกล้าซักฟอกหรือไม่” คำถามนี้เป็นการท้าทายรัฐบาลโดยตรงว่า หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการเรื่ององค์ประชุมได้ ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอและขาดความพร้อม หากต้องเผชิญกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย การท้าทายนี้เป็นการยกระดับความขัดแย้งทางการเมืองไปอีกขั้น และเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในอนาคต หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป การที่กฎหมายเกี่ยวกับ อสม. ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในการทำงานร่วมกันของสภาฯ และรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มอาชีพที่สำคัญนี้

ปัญหาการรักษาองค์ประชุมไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ร่างกฎหมายฉบับเดียว แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันนิติบัญญัติ สภาฯ เป็นกลไกสำคัญในการออกกฎหมายเพื่อพัฒนาประเทศและดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน เมื่อกลไกนี้ประสบปัญหา ประชาชนย่อมตั้งคำถามถึงความสุจริตใจและความมุ่งมั่นของนักการเมืองที่ได้รับเลือกไปทำหน้าที่ ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นตัวชี้วัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่บางครั้งอาจมีความไม่ลงตัวหรือการต่อรองทางอำนาจภายใน ทำให้ความร่วมมือในการผลักดันวาระสำคัญของประเทศต้องสะดุดลง บรรยากาศทางการเมืองที่ตึงเครียดเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคต

สรุปข่าวทั้งหมด

ปัญหาการขาดองค์ประชุมในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนำไปสู่การชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำคัญ อาทิ ร่าง พ.ร.บ. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการจี้ สส. ฝ่ายรัฐบาลให้แสดงความรับผิดชอบและพิจารณาถึงความพร้อมในการบริหารราชการแผ่นดิน การเรียกร้องให้ยุบสภาฯ หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาองค์ประชุมได้ ถือเป็นการกดดันรัฐบาลอย่างหนักและสะท้อนถึงความไม่พอใจต่อการทำงานของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติในปัจจุบัน ความท้าทายเชิงเสียดสีที่ว่า “รัฐบาลกล้าซักฟอกหรือไม่” ยิ่งตอกย้ำถึงความเปราะบางของสถานะรัฐบาลและอาจจุดชนวนให้เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอนาคต หากปัญหานี้ยังคงดำเนินต่อไป ผู้ติดตามสถานการณ์การเมืองจะต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเมืองไทยในระยะยาว.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here