
“อนุทิน” เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องแร่แรร์เอิร์ธ ที่เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศไทยและประเทศคู่ค้าอื่นๆ โดยย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้เสียโอกาสจากการเจรจานี้ ทั้งนี้นายอนุทินได้ยืนยันว่าการเดินหน้าทางธุรกิจจำเป็นต้องวางตัวในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจที่มีศักยภาพ ไม่ใช่การยอมรับบทบาทของผู้รู้สึกธรรมดาแต่อย่างใด ซึ่งคำแถลงนี้ถูกเปิดเผยหลังจากมีข้อสงสัยในความเป็นธรรมและประโยชน์ต่อประเทศเกิดขึ้นในวงกว้าง
ประเด็นสำคัญจาก: “อนุทิน” แจงปม MOU แร่แรร์เอิร์ธ ย้ำไม่เสียโอกาส ลั่นวางตัวเป็นคู่ค้า ไม่ใช่ขี้ข้า
แร่แรร์เอิร์ธ เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าทางเศรษฐกิจสูงและมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งประเทศไทยได้เห็นศักยภาพในการที่จะยกระดับการผลิตและส่งออกของแร่เหล่านี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การทำ MOU กับประเทศพันธมิตรจึงเป็นก้าวหนึ่งในการขยายการค้าและความร่วมมือที่มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์จะกลับมาสู่ประเทศในที่สุด
นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเจรจาเรื่อง MOU แร่แรร์เอิร์ธ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรทางการค้าที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่การอยู่ในสถานะที่ขาดความเสรีภาพในการตัดสินใจ โอกาสที่จะเติบโตจากการใช้ทรัพยากรในแบบที่เป็นธรรมและมุ่งหวังว่า MOU นี้จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ขณะที่ยังคงรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว
อนุทินยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาและวิจัย โดยเน้นว่าแร่แรร์เอิร์ธจะต้องผ่านการจัดการที่รอบคอบและตามข้อกำหนดทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดโลกและการยอมรับในระดับนานาชาติ
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การทำ MOU ของไทยเกี่ยวกับแร่แรร์เอิร์ธได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน เพราะเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อเทคโนโลยีทันสมัย เช่น แบตเตอรีและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการเข้าร่วมทำข้อตกลงในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความสามารถในการผลิตและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
ในการประชุมที่ผ่านมา นายอนุทินยังได้เน้นว่า ข้อตกลงเหล่านี้จะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยจะต้องมีการวางแผนและควบคุมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นให้เกิดค่าเพิ่มในภาคการผลิตในประเทศ อีกทั้งยังจะต้องมีการตรวจสอบและประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี
สรุปข่าวทั้งหมด
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับ MOU เรื่องแร่แรร์เอิร์ธนั้นได้รับการไขข้อข้องใจจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางตัวในฐานะคู่ค้าที่เท่าเทียมเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ การบันทึกข้อตกลงเช่นนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยที่ควรจะได้รับการติดตามต่อไป โดยเฉพาะในแง่ของการจัดการทรัพยากรที่มีคุณค่าและการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งอาจนำมาซึ่งความร่วมมือและสนับสนุนจากต่างประเทศเพิ่มเติมในอนาคต























