Home ข่าวเศรษฐกิจ ร้านอาหาร จี้ ทบทวน พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ใหม่ หวั่นซ้ำเติมท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น

ร้านอาหาร จี้ ทบทวน พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ใหม่ หวั่นซ้ำเติมท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น

63
0
ภาพประกอบข่าว: ร้านอาหาร จี้ ทบทวน พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ใหม่ หวั่นซ้ำเติมท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น
เครดิตภาพ: Phatteera

ร้านอาหาร จี้ ทบทวน พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ใหม่ หลังจากทางภาครัฐได้มีการเสนอปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่ก่อให้เกิดความกังวลในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปีที่กำลังจะมาถึงนี้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้และความอยู่รอดของธุรกิจ โดยผู้ประกอบการเห็นว่าเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่มีความเข้มงวดเกินไปและอาจกลายเป็นการซ้ำเติมผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งภาคเอกชนส่วนใหญ่กำลังพยายามฟื้นตัวและเร่งสร้างรายได้ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงไม่เอื้ออำนวยอย่างเต็มที่

ประเด็นสำคัญจาก: ร้านอาหาร จี้ ทบทวน พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ใหม่ หวั่นซ้ำเติมท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น

ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มหลายรายได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ โดยมีสาระสำคัญหลายประการที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์และเพิ่มภาระให้กับธุรกิจอย่างไม่สมเหตุสมผล หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นอย่างมากคือเรื่องของการห้ามเสนอโปรโมชันหรือส่วนลดสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกกรณี ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ร้านอาหารใช้ในการดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันที่การแข่งขันสูง การห้ามโปรโมชันเหล่านี้จะส่งผลให้ร้านค้าเสียโอกาสในการสร้างรายได้และอาจทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการในช่องทางอื่นที่ไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ยังมีการเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน ซึ่งรวมถึงค่าปรับในอัตราที่สูงและโทษทางอาญาที่อาจถึงขั้นจำคุก ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เนื่องจากรายละเอียดบางส่วนของกฎหมายใหม่ยังคงมีความคลุมเครือและเปิดช่องให้ตีความได้หลายทาง ทำให้ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงที่จะกระทำผิดโดยไม่ตั้งใจ และต้องแบกรับภาระจากบทลงโทษที่หนักหน่วง ความเข้มงวดนี้อาจไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย

อีกทั้ง การปรับแก้ พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และกำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสำคัญ ได้สร้างความวิตกกังวลว่าอาจเป็นปัจจัยที่ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง การท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ การจำกัดสิทธิ์ในการจำหน่ายและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียความน่าสนใจในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงสันทนาการ ลดโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น โรงแรม ที่พัก และบริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นห่วงโซ่ที่พึ่งพากันและกัน.

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการคือเรื่องของ “นิยาม” ที่ไม่ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ฉบับใหม่ เช่น การกำหนดเงื่อนไขการห้ามโฆษณาที่กว้างขวางเกินไปจนอาจครอบคลุมถึงการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ การจัดแสดงสินค้า หรือแม้แต่การกล่าวถึงชื่อแบรนด์ในบริบทต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของธุรกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก และอาจนำไปสู่การตีความที่แตกต่างกันของผู้บังคับใช้กฎหมาย ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความไม่มั่นใจในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ข้อเสนอเกี่ยวกับการจำกัดเวลาและสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เข้มงวดมากขึ้น ก็เป็นอีกประเด็นที่ผู้ประกอบการเห็นว่าอาจไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวมักจะแสวงหาความบันเทิงในยามค่ำคืน.

จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ ผู้ประกอบการหลายรายได้เรียกร้องให้มีการทบทวนและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนอย่างรอบด้านก่อนที่จะมีการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ โดยเสนอให้มีการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างถ่องแท้ เพื่อให้กฎหมายที่ออกมามีความสมดุลและไม่สร้างภาระที่ไม่จำเป็นให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ภาคเอกชนเชื่อว่าการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะนำไปสู่การพัฒนากฎหมายที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจและไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวและการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศในระยะยาว.

สรุปข่าวทั้งหมด

โดยสรุปคือ ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ โดยเฉพาะในประเด็นการห้ามเสนอโปรโมชันและบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงความคลุมเครือของนิยามในกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้ของธุรกิจและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน ผู้ประกอบการเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนและหารือกับภาคเอกชนอย่างรอบด้าน เพื่อให้กฎหมายมีความสมดุลและไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังฟื้นตัว และไม่ซ้ำเติมผู้ประกอบการที่กำลังพยายามปรับตัวและสร้างรายได้ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรคำนึงถึงผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างยั่งยืนโดยไม่สร้างความเสียหายต่อภาคส่วนอื่นๆ ที่สำคัญ.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here