ภราดร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล ขณะนี้มีค่าความจุถึง 99% ทำให้สถานการณ์ต้องได้รับการประเมินอย่างเร่งด่วนในเรื่องของการระบายน้ำเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม
ประเด็นสำคัญจาก: “ภราดร” แจงเขื่อนภูมิพลใกล้เต็ม 99% เตรียมประเมินระบายน้ำเพิ่ม
การตรวจสอบปริมาณน้ำที่เขื่อนภูมิพลพบว่ามีการสะสมของน้ำในระดับที่สูงมาก ถึงแม้ว่ายังไม่มีการระบายออกในทันที แต่กรมชลประทานพร้อมประสานงานและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้น้ำในเขื่อนใกล้เต็ม การระบายน้ำจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ใต้เขื่อน เพื่อให้การก้าวเดินหน้าของโครงการระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การประเมินสถานการณ์ในพื้นที่โดยรอบจะถูกทำอย่างระมัดระวัง ด้วยความร่วมมือทั้งจากฝ่ายภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ การสื่อสารที่ชัดเจนและทันเหตุการณ์จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความวิตกกังวลและสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องในสถานการณ์ปัจจุบัน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
จากข้อมูลของกรมชลประทาน พบว่ามาตรการที่อาจนำมาใช้รวมถึงการเพิ่มการระบายน้ำผ่านทางเปิดช่องทางใหม่ ๆ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยในการคำนวณและควบคุมกระแสน้ำ การวางแผนจะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาที่ได้ตั้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องประสานการทำงานระหว่างกรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่จะได้รับคำแนะนำให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ยังคงมีแนวโน้มจะมีพายุเขตร้อนพัดเข้ามา กรมชลประทานย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มความระมัดระวังในการเฝ้าระวังน้ำหลากและตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามฤดูกาล
สรุปข่าวทั้งหมด
การที่เขื่อนภูมิพลใกล้เต็มความจุถึง 99% ได้สร้างความกังวลในด้านการบริหารจัดการน้ำมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องมีการประเมินเพื่อดำเนินมาตรการระบายน้ำที่เหมาะสม การเตรียมการและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนท้ายน้ำ ในระยะใกล้นี้ จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ของปริมาณน้ำและฝนต่อไป เพื่อปรับแผนการจัดการให้ทันต่อเหตุการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
