Home ข่าวการเมือง อาร์ท เอกสิทธิ์ มอง “แรงงานนอกระบบ” คือพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

อาร์ท เอกสิทธิ์ มอง “แรงงานนอกระบบ” คือพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

71
0

สรุปเนื้อหาข่าว

นายเอกสิทธิ์ ปานสิทธ์ หรือ “อาร์ท เอกสิทธิ์” ได้แสดงทรรศนะต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทย โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ “แรงงานนอกระบบ” ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานราก แต่กลับเป็นกลุ่มที่มักถูกมองข้ามและไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐเท่าที่ควร

ในมุมมองของนายเอกสิทธิ์ กลุ่มแรงงานนอกระบบ ซึ่งประกอบด้วยอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า ผู้รับจ้างทั่วไป และฟรีแลนซ์ ถือเป็นฟันเฟืองชิ้นใหญ่ที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แรงงานกลุ่มนี้ยังคงสร้างรายได้และรักษาการจ้างงานในระดับจุลภาค อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงเผชิญกับความไม่มั่นคง ขาดหลักประกันทางสังคม และการเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นายเอกสิทธิ์ ปานสิทธ์ หรือ อาร์ท เอกสิทธิ์
เครดิตภาพ: พรรคพลังไทย (Thai Power Party)

ประเด็นสำคัญ

  • ขนาดและบทบาท: ประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบมากกว่า 20 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่งของกำลังแรงงานทั้งหมด ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน
  • ช่องว่างทางนโยบาย: แรงงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ไม่มีสวัสดิการสังคม เช่น ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือสิทธิการลาป่วย ทำให้มีความเปราะบางสูงเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ
  • ความท้าทายหลัก: ปัญหาหลักที่แรงงานนอกระบบเผชิญ ได้แก่ ความไม่มั่นคงทางรายได้, การเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ และขาดการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อพัฒนาทักษะและยกระดับอาชีพ
  • ข้อเสนอแนะ: ควรมีการผลักดันนโยบายที่เปิดโอกาสให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคมภาคสมัครใจ (มาตรา 40) ได้ง่ายขึ้น รวมถึงการจัดตั้งกองทุนหรือมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือแรงงานกลุ่มนี้โดยเฉพาะ

ความเชื่อมโยงและผลกระทบ

การยอมรับและสนับสนุนแรงงานนอกระบบอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว การยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างหลักประกันให้กับคนกลุ่มนี้ จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ลดภาระทางการคลังด้านสวัสดิการสงเคราะห์ และปลดปล่อยศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here