
อรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ (คตส.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารของ กฟผ. เร่งดำเนินการทบทวนและปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการคำนวณปริมาณน้ำหน้าเขื่อน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการพยากรณ์ปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างแม่นยำและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเกษตร การผลิตไฟฟ้า และการป้องกันอุทกภัย นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ กฟผ. ให้ความสำคัญกับการพยากรณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทุกแห่งทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละฤดูกาล รวมถึงนำประสบการณ์จากบทเรียนในอดีตมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ประเด็นสำคัญจาก: ‘อรรถพล’ สั่ง กฟผ. ปรับปรุงโรงไฟฟ้า ‘สิริกิติ์’ เข้มปริมาณน้ำเขื่อนทั่วประเทศ
ประเด็นหลักที่นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ได้กำชับและให้ความสำคัญคือการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของเขื่อนแห่งนี้ในการเป็นแหล่งน้ำหลักสำหรับการอุปโภคบริโภค การเกษตร และการผลิตไฟฟ้าในภาคเหนือและภาคกลางตอนบน การคำนวณปริมาณน้ำหน้าเขื่อนที่แม่นยำถือเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนการปล่อยน้ำและการกักเก็บน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบัน การมีข้อมูลพยากรณ์ปริมาณน้ำที่ถูกต้องจะช่วยให้ กฟผ. สามารถตัดสินใจบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและเกษตรกรที่ต้องพึ่งพาน้ำจากเขื่อน
นอกจากนี้ การสั่งการให้เฝ้าระวังและพยากรณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทุกแห่งทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบองค์รวม โดย กฟผ. มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่งที่มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การบูรณาการข้อมูลและเรียนรู้จากสถานการณ์น้ำในอดีต ทั้งในแง่ของภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วม หรือภาวะฝนทิ้งช่วง จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างแบบจำลองการพยากรณ์น้ำที่มีความน่าเชื่อถือสูง และนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติการที่เหมาะสม เช่น การปรับอัตราการระบายน้ำ การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า หรือการจัดสรรน้ำสำหรับภาคส่วนต่างๆ อย่างยุติธรรมและเสมอภาค
การดำเนินการตามคำสั่งของนายอรรถพลฯ จึงไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กร แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีความแข็งแกร่งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความท้าทายจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อรูปแบบการตกของฝนและปริมาณน้ำในเขื่อน การให้ความสำคัญกับข้อมูลเชิงลึกและเทคโนโลยีในการประมวลผลข้อมูลน้ำจะช่วยให้ กฟผ. สามารถเป็นผู้นำในการบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด.
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การที่ประธาน คตส. กฟผ. เน้นย้ำให้ปรับปรุงการคำนวณปริมาณน้ำหน้าเขื่อนนั้น ชี้ให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนและซับซ้อนของการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนพลังงานน้ำ การจะพยากรณ์ปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าอ่างเก็บน้ำได้อย่างแม่นยำนั้น ต้องอาศัยข้อมูลสภาพอากาศในพื้นที่ต้นน้ำ เช่น ปริมาณน้ำฝน ความชื้นในดิน อัตราการระเหย และลักษณะทางภูมิประเทศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ การสร้างแบบจำลองทางอุทกวิทยา (Hydrological Model) ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และการนำข้อมูลดาวเทียมมาช่วยในการวิเคราะห์พื้นที่ต้นน้ำ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับความแม่นยำในการพยากรณ์ ช่วยให้ กฟผ. สามารถวางแผนการจัดการน้ำได้อย่างรัดกุม ทั้งการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อใช้ในฤดูแล้ง และการระบายน้ำเพื่อรองรับมวลน้ำใหม่ในช่วงที่มีปริมาณฝนเกินเกณฑ์ปกติ
นอกจากนี้ ประสบการณ์จากบทเรียนในอดีตเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งในการวางแผนในอนาคต ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมหรือน้ำแล้ง ล้วนเป็นโอกาสให้เรียนรู้ถึงข้อจำกัดและข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการ ระบบการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของ กฟผ. ควรมีการรวบรวมข้อมูลสถานการณ์น้ำในอดีตอย่างเป็นระบบ มีการวิเคราะห์เชิงลึกว่าปัจจัยใดส่งผลต่อการบริหารจัดการ และผลลัพธ์เป็นอย่างไร เพื่อนำมาปรับปรุงนโยบายและแนวปฏิบัติให้ดียิ่งขึ้น การสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ครอบคลุมข้อมูลด้านอุทกวิทยาและสภาพอากาศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบพยากรณ์และการตัดสินใจที่แม่นยำและตอบสนองต่อสถานการณ์ที่หลากหลายได้ดีขึ้น การให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาในด้านนี้จะช่วยให้ กฟผ. เป็นผู้นำในการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในระยะยาว.
สรุปข่าวทั้งหมด
คำสั่งของนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธาน คตส. กฟผ. ที่ให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์และเข้มงวดกับการพยากรณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ ถือเป็นนโยบายเชิงรุกที่สำคัญ เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำและพลังงานของประเทศ การดำเนินการนี้จะช่วยให้ กฟผ. มีข้อมูลที่แม่นยำในการวางแผนการผลิตไฟฟ้า การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และการป้องกันภัยพิบัติจากอุทกภัยหรือภัยแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตและการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของไทยในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนและภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างมหาศาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนควรติดตามความคืบหน้าของการปรับปรุงระบบนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศเป็นไปอย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วนในอนาคต.























