Home ข่าวการเมือง อดีต ก.ต.ช. ชี้ยุค “บิ๊กต่าย” กู้ศรัทธา โค่นสแกมเมอร์ ฟื้นความเชื่อมั่นไทย มั่นคงทางการเงินกลับมา

อดีต ก.ต.ช. ชี้ยุค “บิ๊กต่าย” กู้ศรัทธา โค่นสแกมเมอร์ ฟื้นความเชื่อมั่นไทย มั่นคงทางการเงินกลับมา

114
0
ภาพประกอบข่าว: อดีต ก.ต.ช. ชี้ยุค “บิ๊กต่าย” กู้ศรัทธา โค่นสแกมเมอร์ ฟื้นความเชื่อมั่นไทย มั่นคงทางการเงินกลับมา
เครดิตภาพ: MGROnline

อดีต ก.ต.ช. ได้แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ปัจจุบัน โดยชี้ว่า ยุคของ “บิ๊กต่าย” หรือ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกอบกู้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ การดำเนินการที่เด็ดขาดและต่อเนื่องในการโค่นล้มขบวนการเหล่านี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทย ทั้งในด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงความมั่นคงทางการเงินของประเทศโดยรวมกลับคืนมา การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องได้รับการจัดการอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนและสร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ประเด็นสำคัญจาก: อดีต ก.ต.ช. ชี้ยุค “บิ๊กต่าย” กู้ศรัทธา โค่นสแกมเมอร์ ฟื้นความเชื่อมั่นไทย มั่นคงทางการเงินกลับมา

ประเด็นหลักที่อดีต ก.ต.ช. เน้นย้ำคือ บทบาทและความคาดหวังที่มีต่อพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ในฐานะผู้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการนำพาองค์กรตำรวจให้กลับคืนมาซึ่งความศรัทธาจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างแก๊งสแกมเมอร์ การปราบปรามกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องทรัพย์สินของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย เนื่องจากอาชญากรรมเหล่านี้มักจะนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินจำนวนมหาศาล และกระทบต่อความมั่นคงของระบบการเงินโดยรวม

การดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องภายใต้การนำของ “บิ๊กต่าย” จึงเป็นหัวใจสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการปกป้องประชาชนและรักษาความสงบสุขของสังคม อดีต ก.ต.ช. มองว่า ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสสำคัญในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการปฏิรูปและยกระดับภาพลักษณ์ของตำรวจ การจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้การปราบปรามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ยิ่งไปกว่านั้น การแก้ไขปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ยังมีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงทางการเงินของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง ย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ การออม และการลงทุน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ หากปัญหาเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศในสายตานักลงทุนต่างชาติได้ ดังนั้น การปราบปรามอาชญากรรมประเภทนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเกราะป้องกันทางเศรษฐกิจให้กับชาติอีกด้วย

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

การที่อดีต ก.ต.ช. ออกมาแสดงทัศนะในเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยและความคาดหวังขององค์กรอิสระและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการเห็นตำรวจเป็นที่พึ่งพาได้จริงในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่อาชญากรรมได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปสู่โลกออนไลน์มากขึ้น แก๊งสแกมเมอร์ไม่ได้หลอกลวงแค่รายบุคคล แต่บางครั้งยังมีการจัดตั้งเป็นขบวนการใหญ่ที่มีเครือข่ายข้ามชาติ ซับซ้อน และยากต่อการสืบสวนจับกุม การจะโค่นล้มขบวนการเหล่านี้ได้ต้องอาศัยทั้งข้อมูล เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างประเทศ การที่ “บิ๊กต่าย” ได้รับมอบหมายภารกิจนี้ จึงเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่จะพิสูจน์ถึงศักยภาพและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารระดับสูงของ สตช. ในการนำพาองค์กรไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของไทยในมิติความมั่นคงทางการเงิน หมายถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในสายตานานาชาติด้วย เมื่อใดที่ประชาชนและนักลงทุนรู้สึกปลอดภัยจากการถูกหลอกลวง การลงทุนและการทำธุรกรรมทางการเงินย่อมเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน การที่ “บิ๊กต่าย” ได้รับการคาดหวังให้เป็นผู้“กู้ศรัทธา” จึงไม่ใช่แค่การปราบปรามอธรรมทั่วไป แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานการป้องกันอาชญากรรมทางเศรษฐกิจให้ทัดเทียมนานาชาติ การทำงานเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนถึงภัยรูปแบบใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่กันไป เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมไทยโดยรวม

การดำเนินการที่ผ่านมาภายใต้การรักษาการของพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะการเร่งรัดการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก การออกมาสนับสนุนจากอดีต ก.ต.ช. ครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนการเติมกำลังใจและตอกย้ำถึงความสำคัญของภารกิจดังกล่าว เพื่อให้การทำงานมีแรงผลักดันและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ เช่น การประสานงานกับ Interpol หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศเพื่อนบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้การปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง

สรุปข่าวทั้งหมด

อดีต ก.ต.ช. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของยุค “บิ๊กต่าย” หรือ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ในการกู้ศรัทธาของประชาชนกลับคืนมาสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด การดำเนินการดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องประชาชนจากการหลอกลวงและสูญเสียทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศไทยในด้านความมั่นคงทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรูปแบบใหม่นี้ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องอาศัยทั้งความมุ่งมั่น การทำงานเชิงรุก และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับสังคมและยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานานาชาติ การที่ “บิ๊กต่าย” สามารถขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ จะส่งผลดีต่ออนาคตของประเทศไทยในระยะยาว.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here