
29 ต.ค.เริ่มใช้สิทธิ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลจากมาตรการ “คนละครึ่ง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการใช้สิทธิดังกล่าวจะเริ่มขึ้นตามกำหนด เพื่อให้ผู้ที่ได้รับสิทธิสามารถจับจ่ายใช้สอยและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม ให้สามารถเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการเข้าร่วมโครงการจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าและเป็นการส่งเสริมการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในภาพรวม.
ประเด็นสำคัญจาก: 29 ต.ค.เริ่มใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” ดันร้านค้าผูกเดลิเวอรี 3 พ.ย.
โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นมาตรการสำคัญที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีจุดเด่นคือการต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” เฟสก่อนหน้า เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมกลุ่มประชาชนที่หลากหลายขึ้น การเริ่มต้นใช้สิทธิในวันที่ 29 ต.ค.นี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ได้รับสิทธิสามารถเริ่มจับจ่ายใช้สอยได้ตามวงเงินที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ร้านค้ารายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีการหมุนเวียนเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น นอกจากการสนับสนุนการใช้จ่ายโดยตรงแล้ว “คนละครึ่งพลัส” ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับผู้ประกอบการร้านค้า โดยเฉพาะในมิติของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ.
ประเด็นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการผลักดันให้ร้านค้าสามารถ “ผูกเดลิเวอรี” ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. ซึ่งเป็นการตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้นในช่วงสถานการณ์โรคระบาด การเชื่อมโยงร้านค้าเข้ากับแพลตฟอร์มเดลิเวอรีจะช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้แก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก การขยายช่องทางนี้จะช่วยให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น ลดข้อจำกัดในการเดินทางหรือการรับประทานอาหารที่ร้าน และยังเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในภาคบริการเดลิเวอรีอีกด้วย.
การดำเนินการตามโครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการสร้างความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการปรับตัวของผู้ประกอบการให้เข้ากับยุคดิจิทัล การสนับสนุนให้ร้านค้าใช้แพลตฟอร์มเดลิเวอรีไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ยังเป็นการสร้างทักษะและโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการในการบริหารจัดการธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในบริบทเศรษฐกิจยุคใหม่ การใช้เงินในระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการนี้ยังเป็นการกระจายเม็ดเงินไปสู่ผู้ค้ารายย่อยและเกษตรกรที่ส่งสินค้าให้แก่ร้านค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มร้านอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดเล็ก ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับชุมชน.
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
สำหรับกลไกการทำงานของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับโครงการ “คนละครึ่ง” ในเฟสก่อนหน้า โดยจะมีการสนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในส่วนที่ภาครัฐออกให้บางส่วน และส่วนที่เหลือประชาชนจะรับผิดชอบเอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ในราคาที่ถูกลง รายละเอียดของวงเงินและประเภทของสินค้าที่เข้าร่วมโครงการจะถูกกำหนดอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ การดำเนินการใช้สิทธิจะผ่านแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นสำหรับโครงการโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้การชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และลดการสัมผัสเงินสด ซึ่งเป็นมาตรการด้านสุขอนามัยที่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน การใช้แอปพลิเคชันยังช่วยให้ภาครัฐสามารถติดตามข้อมูลการใช้จ่ายและประเมินผลกระทบของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ในส่วนของการผูกเดลิเวอรีนั้น จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 3 พ.ย. กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานกับแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเดลิเวอรีรายใหญ่หลายราย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” สามารถเชื่อมโยงและใช้บริการจัดส่งสินค้าได้ การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายโอกาสให้กับร้านค้าที่อาจขาดช่องทางในการจัดส่งสินค้าเอง หรือไม่มีศักยภาพในการลงทุนระบบเดลิเวอรีของตนเอง การร่วมมือกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรีจะช่วยลดภาระให้กับร้านค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดอาหารและเครื่องดื่มออนไลน์ คาดการณ์ว่าการสนับสนุนในส่วนนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับร้านค้าจำนวนมาก รวมถึงการสร้างงานเพิ่มเติมให้กับผู้ให้บริการจัดส่ง ซึ่งเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญในช่วงนี้ โดยรวมแล้วมาตรการนี้ไม่เพียงแต่เน้นการกระตุ้นการใช้จ่าย แต่ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาช่องทางการค้าและบริการให้ทันสมัยและเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม.
สรุปข่าวทั้งหมด
โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเป็นมาตรการต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” มีกำหนดให้ประชาชนเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ผลักดันให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการสามารถเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรีได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การสั่งอาหารและสินค้าออนไลน์ การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก รวมถึงการส่งเสริมการปรับตัวของผู้ประกอบการให้เข้ากับบริบทของยุคดิจิทัล ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการในภาพรวม.























