นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณางดการจัดกิจกรรมรื่นเริง หรือกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร คุณนฤมลยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดกิจกรรมกีฬาสีภายในโรงเรียน หรือกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการภายในและมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและพลานามัยของนักเรียนเป็นหลัก ไม่ได้มีลักษณะเป็นการจัดงานรื่นเริงฉลองเทศกาลปีใหม่แต่อย่างใด คำชี้แจงนี้มีขึ้นเพื่อลดความกังวลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับขอบเขตของคำสั่งงดกิจกรรมดังกล่าว
ประเด็นสำคัญจาก: “นฤมล” แจงชัด คำสั่งงดกิจกรรมรื่นเริง ไม่กระทบกีฬาสี
ประเด็นหลักที่คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนคือมติ ครม. ที่ให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณางดกิจกรรมรื่นเริงในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในจังหวัดสมุทรสาคร คำสั่งนี้มุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มากในลักษณะงานฉลอง หรือเทศกาลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่เชื้อ เช่น งานเลี้ยงขนาดใหญ่ คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมที่มีลักษณะเปิดสำหรับสาธารณะ ซึ่งยากต่อการควบคุมสุขอนามัยและรักษาระยะห่างทางสังคม การชี้แจงนี้จึงเป็นการจำกัดขอบเขตของมาตรการให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมบางประเภทที่ไม่เข้าข่ายความเสี่ยงตามที่กำหนดไว้
การแยกแยะประเภทของกิจกรรมเป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจคำสั่งนี้อย่างถูกต้อง กิจกรรมรื่นเริงที่มติ ครม. ขอให้งดนั้น หมายถึงงานเฉลิมฉลองขนาดใหญ่ที่อาจมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากจากหลายแหล่งที่มา และมักมีการสัมผัสใกล้ชิดหรือการใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างแออัด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เอื้อต่อการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน กิจกรรมกีฬาสีในโรงเรียน หรือกิจกรรมลักษณะเดียวกันที่จัดขึ้นภายในองค์กรหรือสถานศึกษา มีลักษณะเป็นกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม มีการควบคุมผู้เข้าร่วมได้ง่ายกว่า และมักมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างออกไป เช่น การเสริมสร้างสุขภาพ การส่งเสริมความสามัคคี หรือการเรียนรู้ ซึ่งไม่ได้มีลักษณะเป็นงานฉลองปีใหม่โดยตรง การตีความที่ชัดเจนเช่นนี้ช่วยให้สถานศึกษาและองค์กรต่างๆ สามารถดำเนินกิจกรรมที่จำเป็นต่อไปได้ ภายใต้เงื่อนไขการควบคุมที่เหมาะสม
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า กิจกรรมกีฬาสีภายในโรงเรียน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่น การแข่งขันกีฬาภายในองค์กร หรือการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขนาดเล็กของบุคลากรภายในหน่วยงาน ซึ่งไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่โดยตรง และสามารถบริหารจัดการผู้เข้าร่วมให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขได้อย่างเข้มงวดนั้น ไม่ได้ถูกห้ามตามมติ ครม. แต่อย่างใด สิ่งสำคัญคือการที่ผู้จัดงานต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและดำเนินการมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ เช่น การคัดกรองผู้เข้าร่วม การรักษาระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย และการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อให้กิจกรรมสามารถจัดขึ้นได้อย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค
การชี้แจงนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลที่พยายามสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมโรคและผลกระทบต่อกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจ การที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาให้ความชัดเจนในประเด็นนี้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสื่อสารกับสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันความสับสนและข้อกังขาที่อาจเกิดขึ้นจากการตีความคำสั่งที่คลาดเคลื่อน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดการกับวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้ โดยยังคงเน้นย้ำว่า แม้กิจกรรมบางอย่างจะได้รับอนุญาตให้จัดได้ แต่ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมก็ยังต้องยึดมั่นในมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
สรุปข่าวทั้งหมด
สรุปคือ การชี้แจงของคุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับขอบเขตของคำสั่ง ครม. ที่ให้งดกิจกรรมรื่นเริงในช่วงปีใหม่ โดยเน้นย้ำว่า กิจกรรมกีฬาสีภายในโรงเรียน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ไม่ใช่การฉลองปีใหม่ และสามารถดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ได้ จะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่เน้นความสมดุลระหว่างการควบคุมโรคและการทำกิจกรรมตามปกติของสังคม รัฐบาลยังคงดำเนินมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงสูงอย่างจังหวัดสมุทรสาคร ขณะเดียวกันก็พยายามไม่ให้มาตรการส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนและหน่วยงานต่างๆ มากเกินความจำเป็น การให้ข้อมูลที่ชัดเจนและครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปได้โดยเร็วที่สุด โดยเน้นว่าทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นยังคงต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด.























