Home ข่าวเศรษฐกิจ เปิดจุดรวบรวมข้าว 428 แห่ง ก.เกษตรฯหนุนสหกรณ์พยุงราคาชะลอการขาย

เปิดจุดรวบรวมข้าว 428 แห่ง ก.เกษตรฯหนุนสหกรณ์พยุงราคาชะลอการขาย

98
0
ภาพประกอบข่าว: เปิดจุดรวบรวมข้าว 428 แห่ง ก.เกษตรฯหนุนสหกรณ์พยุงราคาชะลอการขาย
เครดิตภาพ: Thai PBS

เปิดจุดรวบรวมข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปข้าวของสถาบันเกษตรกร เพื่อสนับสนุนให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มักประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพยุงราคาข้าวเปลือก และสร้างอำนาจต่อรองให้กับเกษตรกร ผ่านกลไกการรับซื้อและชะลอการขายข้าว นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้สหกรณ์มีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพและมูลค่าเพิ่มของผลผลิตทางการเกษตร โดยในปีนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เตรียมจุดรวบรวมข้าวเปลือกไว้ถึง 428 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับผลผลิตข้าวของเกษตรกร พร้อมมาตรการสินเชื่อและเงินทุนหมุนเวียนที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ไม่เป็นธรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาไทย

ประเด็นสำคัญจาก: เปิดจุดรวบรวมข้าว 428 แห่ง ก.เกษตรฯหนุนสหกรณ์พยุงราคาชะลอการขาย

โครงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปข้าวของสถาบันเกษตรกร ถือเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่เกษตรกรต้องเผชิญในทุกๆ ฤดูเก็บเกี่ยว กรมส่งเสริมสหกรณ์ตระหนักดีว่าเมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากพร้อมกัน จะทำให้กลไกตลาดกดราคาข้าวเปลือกลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของชาวนา ดังนั้น การมีจุดรวบรวมข้าวที่เพียงพอและกระจายอยู่ทั่วถึง จะช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกในการขายผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมมากขึ้น สามารถเลี่ยงการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางได้ นอกจากนี้ การส่งเสริมให้สหกรณ์มีบทบาทในการรวบรวมผลผลิต ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งของระบบสหกรณ์ในฐานะองค์กรของเกษตรกรเอง ให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการรวบรวมข้าวเปลือกแล้ว โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมศักยภาพของสหกรณ์ในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจเกี่ยวข้าว ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปเพิ่มมูลค่า การปรับปรุงคุณภาพข้าวเปลือกให้ได้มาตรฐาน และการเข้าถึงช่องทางการตลาดที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับสมาชิกสหกรณ์ในระยะยาว โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดเตรียมทั้งงบประมาณ เครื่องมือ และองค์ความรู้ เพื่อสนับสนุนให้สหกรณ์สามารถดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ อันจะนำไปสู่การพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการผลผลิตได้ดียิ่งขึ้น กรมฯ ยังได้สนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในกระบวนการผลิตและการแปรรูป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

สำหรับปีการผลิต 2567/68 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน โดยได้ดำเนินการอนุมัติจัดตั้งจุดรวบรวมและแปรรูปข้าวเปลือกทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 428 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร 374 แห่ง และกลุ่มเกษตรกร 54 แห่ง กระจายอยู่ในจังหวัดสำคัญที่เป็นแหล่งผลิตข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก การกระจายจุดรวบรวมเหล่านี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น ลดต้นทุนการขนส่ง และลดความเสี่ยงจากการถูกกดราคา สอดรับกับสถานการณ์ที่ความต้องการและปริมาณผลผลิตในแต่ละภูมิภาคอาจมีความแตกต่างกัน

เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของจุดรวบรวมข้าวเหล่านี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรเงินทุนหมุนเวียนและสินเชื่อในโครงการต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของขนาดและศักยภาพของแต่ละสหกรณ์ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ และเงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้สหกรณ์มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอในการรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกในราคาที่ยุติธรรม และสามารถชะลอการขายเพื่อรอจังหวะที่ราคาตลาดดีขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง การสนับสนุนดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้ออุปกรณ์การเกษตร การปรับปรุงโรงเรือน ไปจนถึงการจัดหาทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้การดำเนินงานของสหกรณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สรุปข่าวทั้งหมด

การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการเปิดจุดรวบรวมข้าวเปลือก 428 แห่ง และให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สหกรณ์ ถือเป็นกลไกสำคัญในการพยุงราคาข้าวและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก การกระจายจุดรับซื้อและมาตรการสินเชื่อที่เหมาะสม จะช่วยให้สหกรณ์สามารถทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมและแปรรูปข้าวได้ตามวัตถุประสงค์ ส่งผลให้เกษตรกรมีช่องทางในการจำหน่ายผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม และมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงในอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาไทยอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การส่งเสริมให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศให้มีเสถียรภาพต่อไป

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here