Home ข่าวเศรษฐกิจ ก.ล.ต. เตือนระวัง สแกมเมอร์ หลังพบเบาะแสหลอกลงทุน 8,000 เคส

ก.ล.ต. เตือนระวัง สแกมเมอร์ หลังพบเบาะแสหลอกลงทุน 8,000 เคส

64
0
ภาพประกอบข่าว: ก.ล.ต. เตือนระวัง สแกมเมอร์ หลังพบเบาะแสหลอกลงทุน 8,000 เคส
เครดิตภาพ: chonrada

ก.ล.ต. เตือนระวัง — สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกประกาศเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังต่อภัยการหลอกลวงลงทุนจากกลุ่มมิจฉาชีพหรือสแกมเมอร์อย่างเร่งด่วน ภายหลังจากที่มีการตรวจพบเบาะแสและได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวมากถึง 8,000 เคส โดยมิจฉาชีพเหล่านี้มักใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนและน่าเชื่อถือเพื่อชักชวนให้เหยื่อหลงเชื่อและลงทุนในช่องทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินในวงกว้าง การเตือนภัยดังกล่าวมีขึ้นเพื่อยกระดับความตระหนักรู้และป้องกันมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการติดต่อสื่อสารและการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ

ประเด็นสำคัญจาก: ก.ล.ต. เตือนระวัง สแกมเมอร์ หลังพบเบาะแสหลอกลงทุน 8,000 เคส

การแจ้งเตือนจาก ก.ล.ต. ครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความรุนแรงของสถานการณ์การหลอกลวงลงทุนในปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรูปแบบเดิม ๆ แต่ยังคงพัฒนาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์และสื่อสังคมออนไลน์ในการเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง สแกมเมอร์มักจะสร้างภาพลักษณ์ของความน่าเชื่อถือ โดยการแอบอ้างชื่อบุคคลสำคัญ องค์กรที่มีชื่อเสียง หรือแม้กระทั่ง สร้างเว็บไซต์ปลอม แอปพลิเคชันปลอม ที่เลียนแบบหน่วยงานกำกับดูแลหรือบริษัทการลงทุนจริง เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับเหยื่อในระยะแรกของการติดต่อ

ประเด็นหลักที่ ก.ล.ต. เฝ้าระวังคือ รูปแบบการหลอกลวงที่เสนอผลตอบแทนสูงเกินจริงในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นจุดสังเกตสำคัญที่ประชาชนควรตระหนักอยู่เสมอ เนื่องจากไม่มีการลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยไม่มีความเสี่ยง ก.ล.ต. ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องตรวจสอบข้อมูลของผู้เสนอการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงการตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตกับ ก.ล.ต. โดยตรง ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่อาศัยช่องว่างจากความไม่รู้หรือความโลภของประชาชน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ การที่มิจฉาชีพมักจะใช้แรงกดดันหรือเร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุนอย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนที่มีจำนวนจำกัด หรือโอกาสทองที่ไม่ควรพลาด ซึ่งเป็นแทคติกที่บีบให้เหยื่อไม่มีเวลาคิดทบทวนหรือหาข้อมูลเพิ่มเติม การหลอกลวงในลักษณะนี้มักจะเริ่มต้นจากการชักชวนให้ลงทุนในจำนวนเงินเล็กน้อยก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเมื่อเหยื่อติดกับและเริ่มเห็นผลตอบแทนปลอม ก็จะชักจูงให้ลงทุนเพิ่มในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสูญเสียเงินจำนวนมาก และเมื่อมิจฉาชีพได้เงินตามที่ต้องการแล้ว ก็จะตัดการติดต่อไป ทำให้เหยื่อไม่สามารถติดต่อได้และสูญเสียเงินทั้งหมดในที่สุด

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

จากข้อมูลของ ก.ล.ต. พบว่าจำนวนเคสเบาะแสการหลอกลวงลงทุนที่พุ่งสูงถึง 8,000 เคส สะท้อนให้เห็นถึงภัยคุกคามที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและซับซ้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้ง่าย มิจฉาชีพมักใช้เทคนิคการสร้างโปรไฟล์ปลอมบนโซเชียลมีเดีย หรือใช้แอปพลิเคชันแชทในการติดต่อสื่อสารกับเหยื่อ โดยปลอมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน พนักงานธนาคาร หรือแม้กระทั่งบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ช่วยให้มิจฉาชีพสามารถสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือกับเหยื่อได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเริ่มดำเนินการหลอกลวง การสร้างบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงการใช้ภาพและข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นมาแอบอ้าง ทำให้การตรวจสอบและระบุตัวตนของมิจฉาชีพเป็นไปได้ยากขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินก่อนการลงทุนทุกครั้ง เพื่อที่ประชาชนจะสามารถแยกแยะได้ว่าการเสนอขายการลงทุนใดเป็นของจริงหรือเป็นเพียงการหลอกลวง การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทหรือการเทรด Forex โดยผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มิจฉาชีพมักจะใช้ในการหลอกลวง ซึ่งประชาชนควรตรวจสอบสถานะผู้ประกอบการกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเสมอ ก.ล.ต. จึงได้เข้ามามีบทบาทในการให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่สาธารณชน เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายทางการเงินในอนาคต

สรุปข่าวทั้งหมด

การเตือนภัยจาก ก.ล.ต. เกี่ยวกับสแกมเมอร์หลอกลวงลงทุนกว่า 8,000 เคส ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มความระมัดระวังและสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ความถี่และหลากหลายของกลยุทธ์ที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง สะท้อนให้เห็นว่าภัยดังกล่าวเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ประชาชนควรใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาข้อเสนอการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงเกินจริง และตรวจสอบข้อมูลผู้เสนอการลงทุนกับหน่วยงานกำกับดูแลที่ถูกต้องตามกฎหมายเสมอ การดำเนินการของ ก.ล.ต. เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน ถือเป็นบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยในระยะยาว ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงลงทุนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here