Home ข่าวเศรษฐกิจ ศุภจี โชว์ความสำเร็จประชุม อาเซียน–เอเปค นำไทยกลับสู่เวทีการค้าโลก

ศุภจี โชว์ความสำเร็จประชุม อาเซียน–เอเปค นำไทยกลับสู่เวทีการค้าโลก

91
0
ภาพประกอบข่าว: ศุภจี โชว์ความสำเร็จประชุม อาเซียน–เอเปค นำไทยกลับสู่เวทีการค้าโลก
เครดิตภาพ: mayuree

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความสำเร็จและบทบาทสำคัญของประเทศไทยในการประชุมอาเซียนและเอเปค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อมั่นในเวทีการค้าระดับโลกอีกครั้ง การประชุมทั้งสองเวทีนี้ได้เปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้แสดงศักยภาพด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายความร่วมมือและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในสายตานานาชาติ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคและระดับโลกเหล่านี้

ประเด็นสำคัญจาก: ศุภจี โชว์ความสำเร็จประชุม อาเซียน–เอเปค นำไทยกลับสู่เวทีการค้าโลก

การที่นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ออกมากล่าวถึงความสำเร็จของการประชุมอาเซียนและเอเปคนั้น ถือเป็นการตอกย้ำถึงความพยายามของภาคเอกชนไทยในการผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐเพื่อยกระดับประเทศสู่การแข่งขันในระดับสากล ไม่เพียงแต่เป็นการเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์หรือผู้ร่วมงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอจุดแข็งของประเทศไทยในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ รวมถึงการเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ถูกเน้นย้ำคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและผู้ประกอบการจากทั่วโลก หลังจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการทั้งจากสถานการณ์โรคระบาดและปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก การประชุมเหล่านี้จึงเป็นเวทีสำคัญในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย รวมถึงแผนการฟื้นฟูและนโยบายที่ส่งเสริมการค้าการลงทุนอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความสำเร็จที่เห็นได้ชัดเจนจากการประชุมเหล่านี้คือ การที่ประเทศไทยได้รับโอกาสในการเสนอแนวคิดและนโยบายที่เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน การให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทย ซึ่งดึงดูดกลุ่มนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

ความสำเร็จที่นางศุภจีกล่าวถึงนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเข้าร่วมประชุม แต่ยังรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการหารือและการลงนามในข้อตกลงต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น การกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจกับประเทศสมาชิกอาเซียนและเอเปค การเปิดช่องทางการส่งออกสินค้าและบริการใหม่ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ การที่ประเทศไทยสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้นำและนักธุรกิจระดับโลก ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค

นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวยังเป็นเวทีที่ประเทศไทยได้แสดงบทบาทในการเป็นผู้นำด้านการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการค้าเสรีและเป็นธรรม การลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการเป็นสมาชิกที่แข็งขันและรับผิดชอบในประชาคมโลก การที่ภาคเอกชนอย่างดุสิตธานีเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ ก็ยิ่งเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย

รายละเอียดที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของกฎระเบียบและนโยบายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญอย่างมาก การประชุมเหล่านี้เป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม อีกทั้งยังเป็นการแสดงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่มีทักษะ เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศในทุกภาคส่วน

สรุปข่าวทั้งหมด

การแสดงความสำเร็จของประเทศไทยในการประชุมอาเซียนและเอเปคโดยนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของประเทศในการกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญบนเวทีการค้าโลกอีกครั้ง การประชุมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเพียงการรวมตัวกันของผู้นำเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยได้สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดการลงทุน และขยายโอกาสทางการค้าในระยะยาว การผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ และการมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต อันจะส่งผลดีต่อประชาชนและภาคธุรกิจโดยรวมของประเทศไทย

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here