
ศุภจี สุธัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาชี้แจงปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย กรณีที่สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติให้ยกเว้นภาษีนำเข้า 0% สำหรับสินค้าจาก 3 ประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าในกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ข่าวลือดังกล่าวได้สร้างความเข้าใจผิดและอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและนักลงทุนเนื่องจากไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก ซึ่งการออกมาปฏิเสธของนางศุภจีเป็นการยืนยันว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงและยังไม่มีมาตรการดังกล่าวจากสหรัฐอเมริกา ที่จะส่งผลให้สินค้ากลุ่มสิ่งทอจากไทยได้รับประโยชน์ตามที่เข้าใจผิดกันไปอย่างกว้างขวางบนแพลตฟอร์มต่างๆ
ประเด็นสำคัญจาก: “ศุภจี” ปัดข่าว สหรัฐฯ ไฟเขียวภาษีนำเข้า 0% สินค้า 3 ชาติอาเซียน
ประเด็นสำคัญจากการชี้แจงของนางศุภจี สุธัมพันธ์ คือการยืนยันว่าข่าวเรื่องสหรัฐฯ ไฟเขียวภาษีนำเข้า 0% สินค้าจาก 3 ชาติอาเซียน (ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย) โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มนั้น ไม่เป็นความจริง ข่าวลือนี้ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่องทางโซเชียลมีเดียหลายแห่ง และทำให้เกิดความคาดหวังที่ไม่ถูกต้องในกลุ่มผู้ประกอบการและผู้ส่งออกในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน การปัดข่าวของนางศุภจีจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความสับสนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าใจผิด
รายงานข่าวตามกระแสโซเชียลมีเดียระบุว่าผู้บริหารของบริษัทในเครือไทยยูเนี่ยนได้ออกมาระบุว่าตนทราบข่าวนี้จาก “เพจข่าวต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ” อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียดกลับไม่พบประกาศหรือแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากหน่วยงานของสหรัฐฯ เช่น สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) หรือกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามถึงความน่าเชื่อถือของข่าวที่แพร่กระจายบนแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านั้น
มาตรการการค้าและข้อตกลงภาษีระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและต้องผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างรอบคอบจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าที่สำคัญเช่นการยกเว้นภาษีนำเข้าย่อมต้องมีการประกาศอย่างเป็นทางการ และมักจะมีการเจรจากันในระดับสูง ไม่ใช่ข่าวที่จะเผยแพร่เฉพาะในช่องทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น ดังนั้นการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้จึงเป็นหัวใจสำคัญในการรับมือกับข่าวสารในปัจจุบัน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
ข่าวลือดังกล่าวได้สร้างความตื่นตัวในหมู่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทย ที่เคยได้รับผลประโยชน์จากการยกเว้นภาษีภายใต้โครงการสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ซึ่งประเทศไทยได้พ้นสถานะประเทศกำลังพัฒนาเมื่อหลายปีก่อนและถูกตัดสิทธิ์ GSP ไปแล้ว การกลับมาได้รับมาตรการลดภาษีนำเข้าอีกครั้งย่อมเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่ออุตสาหกรรมในประเทศ แต่การขาดข้อมูลสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้ข่าวนี้ไม่น่าเชื่อถือ
การวิเคราะห์สถานการณ์ทางการค้าระหว่างประเทศปัจจุบันบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ มีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องและส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ การพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่ประเทศคู่ค้าใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเว้นภาษีนำเข้า 0% นั้น ต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดและมักจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการค้าเพื่อผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน การที่ไม่มีสัญญาณใดๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกอบกับคำยืนยันของนางศุภจี จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าข่าวลือดังกล่าวปราศจากมูลความจริง
ผู้ประกอบการและนักลงทุนควรระมัดระวังในการรับข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรวิชาชีพ หรือสื่อหลักที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง (fact-checking) เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจทางธุรกิจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายหรือการเสียโอกาสได้ การพึ่งพาข้อมูลที่ปราศจากแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจนย่อมมีความเสี่ยงสูงในการดำเนินธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน
สรุปข่าวทั้งหมด
ข่าวที่ระบุว่าสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติให้ยกเว้นภาษีนำเข้า 0% สำหรับสินค้าจากไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มนั้น เป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง โดยนางศุภจี สุธัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจน ข่าวลือดังกล่าวสร้างความเข้าใจผิดและอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ หากมีการตัดสินใจทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ผู้ประกอบการควรพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้นเพื่อป้องกันความสับสนและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต























