
ททท. นำทัพ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยจำนวน 50 ราย เข้าร่วมงาน World Travel Market (WTM) ประจำปี 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดระดับโลก จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร การเข้าร่วมงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีความสำคัญต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งที่พัก โรงแรม บริษัทนำเที่ยว และบริการอื่น ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ซึ่งกิจกรรมนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดโลก
ประเด็นสำคัญจาก: ททท. นำทัพผู้ประกอบการ 50 ราย ร่วมงาน WTM 2025 ปักธงดึงนักท่องเที่ยวยุโรป
งาน World Travel Market (WTM) 2025 เป็นเวทีที่สำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทยในการเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้บริโภคในตลาดยุโรป โดยการนำผู้ประกอบการจำนวนมากถึง 50 รายเข้าร่วม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการผลักดันการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเหล่านี้เป็นตัวแทนของธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่โรงแรมหรู รีสอร์ตเชิงนิเวศน์ บริษัททัวร์ที่มีความเชี่ยวชาญ ไปจนถึงผู้ให้บริการด้านสุขภาพและสปา ซึ่งเน้นย้ำถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่ประเทศไทยสามารถนำเสนอได้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจและกำลังซื้อที่แตกต่างกันจากประเทศในแถบยุโรป
การเข้าร่วมงาน WTM 2025 ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เจรจาธุรกิจและสร้างเครือข่ายกับคู่ค้าในยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางในการรับฟังแนวโน้มและความต้องการของตลาด เพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากทั่วโลก ยังช่วยให้ประเทศไทยสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังโควิด-19 ที่นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาตำแหน่งของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การมุ่งเน้นตลาดยุโรปในการเข้าร่วมงาน WTM 2025 ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากยุโรปมักจะมีระยะเวลาพำนักนานและมีกำลังซื้อสูง ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ททท. ได้วางแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้ โดยเน้นย้ำถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติบำบัด หรือการผจญภัย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่แสวงหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงให้เห็นถึงความพยายามของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่บูธของประเทศไทยในงาน WTM 2025 จะมีการนำเสนอการสาธิตศิลปะและวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงนาฏศิลป์ หรือการสาธิตหัตถกรรมไทย เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจและดึงดูดผู้เยี่ยมชมให้เข้ามาทำความรู้จักกับประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการไทยยังได้เตรียมข้อเสนอพิเศษและแพ็คเกจท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของคู่ค้าและนักท่องเที่ยว การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ประเทศไทย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยในการขยายตลาดและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สรุปข่าวทั้งหมด
การที่ ททท. นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 50 ราย เข้าร่วมงาน World Travel Market (WTM) 2025 ที่กรุงลอนดอน นับเป็นก้าวสำคัญในการเร่งฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและกำลังซื้อดี การเข้าร่วมงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายของไทย แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ แลกเปลี่ยนข้อมูลและเรียนรู้แนวโน้มตลาด เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ให้ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและประสบการณ์ที่แตกต่าง เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวยุโรปให้กลับมาสัมผัสความงดงามและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศในระยะยาว























